Company History
บริษัท ชูสร้อยปิ่น จำกัด ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2458 โดย นางฟุ้งฮี่ หรือ นายซุ้ยปิน แซ่จู เพื่อดำเนินธุรกิจโรงงานฟอกหนังที่ซอยวัดไผ่สิงโต เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานครหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงในปีพ.ศ. 2488 บริษัทฯ เป็นรายแรกของประเทศไทยที่ได้มีการนำเข้าสารเคมีฟอกหนังจากประเทศออสเตรเลีย สารเคมีทำให้หนังควายหรือหนังวัว นุ่ม และนิ่ม สามารถนำไปใช้งานตัดเย็บและขึ้นรูปทรงได้ง่าย จากนั้นบริษัทฯ ได้ต่อยอดจากการฟอกหนัง โดยเริ่มนำเข้าสีย้อมหนังจากสหรัฐอเมริกา ทำให้หนังสัตว์มีสีสันสวยงาม กระแสตอบรับจากลูกค้าดีมาก ประกอบกับพื้นที่โรงงานไม่เพียงพอ ทางบริษัทฯ จึงได้ย้ายโรงงานฟอกหนังไปอยู่ที่ถนนตก เขตบางคอแหลม จังหวัดกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งบริษัทฯ ได้ตั้งโรงงานย้อมหนังขึ้นที่สามย่าน จังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นสนามกีฬาจารุเสถียร บริษัทฯ ได้ส่งออกหนังที่ผ่านการฟอก และย้อมแล้วไปยังลูกค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสิงค์โปร์ (ขณะนั้นยังรวมประเทศอยู่กับประเทศมาเลเซีย) สินค้าของทางบริษัทฯได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง
ต่อมาในปี พ.ศ. 2491 ธุรกิจฟอกและย้อมหนัง เริ่มมีคนทำเลียนแบบเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาตกต่ำ ทางบริษัทฯ ได้ใช้พื้นที่โรงงานเดิมที่ถนนตก ทำโรงงานปั่นเส้นด้ายจากฝ้าย โดยสั่งเครื่องจักรปั่นเส้นด้ายจากโรงงานที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน หลังจากบริษัทฯ ตั้งโรงงานปั่นเส้นด้ายได้ไม่ถึง 5 ปี ประเทศไทยได้เกิดวิกฤตทางตลาดเส้นด้าย และสิ่งทอตกต่ำ บริษัทฯ จึงได้หันมาส่งออกเส้นใยปอไปยังต่างประเทศ และได้สร้างเครื่องจักรอัดเบลปอให้เป็นก้อน ซึ่งง่ายต่อการขนส่ง และลดค่าใช้จ่ายในการส่งของทางเรือไปยังลูกค้าต่างประเทศ
ในปี พ.ศ. 2493 บริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อที่ดินแถวราษฎร์บูรณะ จังหวัดกรุงเทพมหานคร และได้สร้างโกดังเก็บเส้นใยปอเพื่อการคัดแยกแบ่งเกรดคุณภาพของเส้นใยปอ พร้อมทั้งได้นำใยปอที่มีคุณภาพนำมาอัดเบลเพื่อรอการจัดส่ง โดยส่วนใหญ่ขายต่อไปให้กับลูกค้าต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “CH” บริษัทฯได้รับความเชื่อถือ และไว้วางใจในเรื่องของคุณภาพเส้นใยปอจากผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น อังกฤษ สก็อตแลนด์ เยอรมัน อิตาลี
เมื่อปี พ.ศ. 2498 บริษัท สร้อยปิ่น จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทลูกของบริษัท ชูสร้อยปิ่น จำกัด เพื่อทำธุรกิจส่งออกและนำเข้า เส้นใยปอ และเครื่องจักรอัดเบลปอ ณ โกดังราษฎร์บูรณะ
ประมาณปี พ.ศ. 2505 เศรษฐกิจในประเทศไทยเริ่มขยายตัว จึงทำให้บริษัทต่างชาติเริ่มเข้ามาลงทุนเปิดโรงงานอุตสาหกรรมในสาขาต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นหลายบริษัท ได้เปิดโรงงานขยายฐานการผลิตอุตสาหกรรมสิ่งทอ บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมสิ่งทอ จึงทำให้บริษัทฯ ได้เริ่มธุรกิจการนำเข้าอะไหล่และเครื่องจักรสิ่งทอจากต่างประเทศ ซึ่งสมัยแรกๆ บริษัทฯ ถูกกีดกันการขายจากโรงงานผู้ผลิตประเทศญี่ปุ่น ที่เข้ามาตั้งบริษัทตัวแทนเพื่อผูกขาดการขายอะไหล่ให้กับโรงงานทอผ้าและปั่นด้ายของคนญี่ปุ่นเองที่มาตั้งโรงงานในประเทศไทย รวมถึงโรงงานของคนไทย โดยจะต้องซื้อของจากบริษัทตัวแทนของประเทศญี่ปุ่นที่ตั้งสาขาในประเทศไทยเท่านั้น ในช่วงแรกๆ นั้นทำให้บริษัทฯ ขายของลำบาก ไม่ได้รับความร่วมมือจากโรงงานผู้ผลิต แต่ด้วยความวิริยะอุตสาหะ พร้อมกับได้รับการสนับสนุน และกำลังใจจากลูกค้าคนไทยช่วยทำให้บริษัท สร้อยปิ่น จำกัด เป็นบริษัทเจ้าเดียวในไทยที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนนำเข้าเครื่องจักรและอะไหล่เครื่องจักรทอผ้าและปั่นด้ายจากประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นบริษัทฯ ได้ขยายการนำเข้าจากโรงงานผู้ผลิตประเทศยุโรปจนทุกวันนี้
ปี พ.ศ. 2521 เมื่อเถ้าแก่นาย ซุ้ยปิน แซ่จู ได้ถึงแก่มรณภาพ ในฐานะลูกชายคุณเดชา ชูสร้อยปิ่น จึงได้ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของบริษัท ชูสร้อยปิ่น จำกัด และ บริษัท สร้อยปิ่น จำกัด จนถึงขณะนี้
ประมาณปี พ.ศ. 2523 เริ่มมีวัสดุใหม่ๆ หลากหลายมาใช้งานแทนเส้นใยปอ ส่งผลให้การส่งออกเบลปอเริ่มชะลอตัวลง การสต๊อกสินค้าก็น้อยลงตาม จึงทำให้พื้นที่โกดังราษฎร์บูรณะว่างขึ้น ทางบริษัทฯ จึงเล็งเห็นว่าควรปรับพื้นที่ว่างให้เป็นประโยชน์ จึงได้เปิดธุรกิจโกดังสินค้าให้เช่าเรื่อยมา
เมื่อปี พ.ศ. 2546 เพื่อเพิ่มความหลากหลายบริการ ให้กับลูกค้าสิ่งทอและปั่นด้ายในประเทศไทย ทางแผนกอะไหล่และเครื่องจักรสิ่งทอของบริษัท สร้อยปิ่น จำกัด ได้เปิดแผนกบริการเคลือบเรซิ่น และบริการการปรับแต่งอะไหล่เครื่องจักรสางใย ขึ้นมาทำให้เครื่องจักรของลูกค้าผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่องไม่เสียเวลานานในการซ่อมบำรุงเครื่องจักรเอง
ในปี พ.ศ. 2552 แผนกอะไหล่และเครื่องจักรสิ่งทอของบริษัท สร้อยปิ่น จำกัด ได้ตั้งศูนย์บริการอัดและแปรรูปลูกยางรีดเส้นด้าย เพื่อรองรับลูกค้าภายในประเทศ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการบริการให้กับลูกค้าธุรกิจสิ่งทอ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 ทางบริษัท ชูสร้อยปิ่น จำกัด ได้เปิดธุรกิจนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ภายใต้ชื่อการค้า “เฮสเทีย ลิฟวิ่ง”
และในปี พ.ศ. 2562 บริษัท สร้อยปิ่น จำกัดได้เริ่มก่อสร้างตึกภายในบริเวณโกดังราษฎร์บูรณะ เพื่อทำธุรกิจห้องเก็บของให้เช่าสำหรับบุคคล หรือ บริษัทห้างร้าน ภายใต้ชื่อ “CH Self Storage” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนก คลังสินค้าให้เช่า เพื่อรองรับการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่ของสังคมคนเมืองที่มีพื้นที่จัดเก็บสิ่งของได้น้อยลง” อาคารห้องเก็บของให้เช่าได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มเปิดใช้งานในปี 2563
ในปี 2564 ทางบริษัทได้เริ่มทำการปรับปรุงคลังสินค้า 1, 3, 4 และ A1 ถึง A7 ซึ่งแล้วเสร็จในปี 2565 นอกเหนือจากการปรับปรุงคลังสินค้าในปี 2565 ทางบริษัทได้ปรับปรุงถนนภายในโครงการเพื่อรองรับการจราจรที่มากขึ้น และ ได้ทำการขยายขนาดของห้องเก็บของให้เช่าเพื่อรองรับพื้นที่ขนาด 100 ตรม.